ในยุคปัจจุบัน หลายท่านคงสังเกตเห็นกันได้ว่าผู้คนมากมายหันมาให้ความสนใจเกี่ยวกับการดูแลผิวพรรณและใบหน้าของตนเองกันมากขึ้น เนื่องด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่ก้าวหน้าไปอย่างมาก ทำให้การทำหัตถการต่างๆเป็นเรื่องง่าย รวดเร็ว และได้ผลลัพธ์ที่ดี โดยที่ไม่ต้องเจ็บตัวเหมือนการทำศัลยกรรม โดยหนึ่งในหัตถการยอดนิยมที่กำลังมาแรงในยุคปัจจุบัน คือ หัตถการการปรับรูปหน้าแบบไร้รอยเข็ม หรือที่เรียกกันว่า การทำ Thermage หรือ Ulthera ซึ่งสามารถทำได้โดยการใช้พลังงานความร้อนจากคลื่นวิทยุหรือคลื่นอัลตราซาวนด์ยิงลงไปบนผิว ซึ่งจะส่งผลให้ใบหน้ามีความกระชับขึ้น ลดความหย่อนคล้อย ทำให้ใบหน้าแลดูเรียวเล็กลงและมีรูปทรงที่เป็นเชฟมากขึ้น โดยที่ไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีรอยแผลเป็น ใช้เวลาในการทำไม่นาน และเห็นผลได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ ทำให้ทั้ง Thermage และ Ulthera ถือเป็นหัตถการยอดฮิตแห่งยุคที่ผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าแบบไม่เจ็บตัวนิยมทำ
Thermage กับ Ulthera แตกต่างกันอย่างไร?
Thermage และ Ulthera เป็นหัตถการ 2 ประเภทที่มีความคล้ายคลึงกันอย่างมาก ทั้งในเรื่องของวิธีการทำ และผลลัพธ์ที่ได้ ทำให้ผู้ที่สนใจในการทำหัตถการเกิดความสับสนกันบ่อยครั้ง แต่แท้จริงแล้ว Thermage และ Ulthera นั้นแตกต่างกัน โดยข้อแตกต่างระหว่าง Thermage และ Ulthera มีดังต่อไปนี้
หลักการทำงาน
Thermage ทำงานโดยใช้พลังงานความร้อนจากคลื่นวิทยุความถี่สูงแบบขั้วเดียว (RF) เข้าไปกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ในผิวชั้นหนังแท้ (Demis) และ ชั้นไขมันใต้ผิวหนัง (Subcutaneous Fat) ซึ่งเป็นชั้นผิวที่ยังไม่ลึกมากและมีคอลลาเจนอยู่หนาแน่น
ในขณะที่ Ulthera ทำงานโดยใช้พลังงานความร้อนขนาดเล็กจากคลื่นอัลตราซาวนด์ความถี่สูงแบบเฉพาะเจาจง (Focused Ultrasound) เข้าไปกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ และกระตุ้นให้ผิวหดตัว ยกกระชับ ในผิวชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นของกล้ามเนื้อส่วนบนใต้ผิวหนัง ซึ่งลึกกว่าผิวชั้นหนังแท้ และชั้นไขมันใต้ผิวหนัง
ผลลัพธ์ที่ได้
ด้วยหลักการทำงานที่แตกต่างกันของหัตถการทั้ง 2 ประเภทนี้ ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้จากการทำ Thermage และ Ulthera แตกต่างกันไปด้วย โดยผลลัพธ์ที่ได้จากการทำ Thermage นั้น จะทำให้ผิวหน้ามีความแน่น ผิวดูเฟิร์ม ดูกระชับ ไขมันบนใบหน้าลดน้อยลง และทำให้ผิวดูสุขภาพดี เปล่งปลั่ง และเรียบเนียนขึ้น
ในขณะที่ผลลัพธ์ที่ได้จากการทำ Ulthera นั้น จะทำให้ผิวหน้าที่หย่อนคล้อยดูยกขึ้น เห็นกรอบหน้าชัด ใบหน้าดูมีความกระชับและเต่งตึง อีกทั้งยังฟื้นฟูผิวให้มีความแข็งแรงและสุขภาพดีขึ้นอีกด้วย
เลือกทำหัตถการอันไหน ให้เหมาะกับปัญหาใบหน้า?
ถึงแม้ว่าหัตถการทั้ง 2 ประเภทที่เราได้กล่าวไปข้างต้นนั้นจะมีความคล้ายคลึงกันอย่างมาก แต่ด้วยข้อแตกต่างระหว่าง Thermage และ Ulthera ที่เราได้กล่าวไป ทำให้ผู้ที่ต้องการทำหัตถการด้านการปรับแต่งรูปหน้าต้องเลือกให้ดีว่าหัตถการประเภทไหนถึงจะช่วยแก้ปัญหาใบหน้าของคุณได้ดีที่สุด และตรงจุดที่สุด โดยการเลือกทำหัตถการอันไหนให้เหมาะกับปัญหาใบหน้า มีข้อสังเกตดังต่อไปนี้
โดยหากคุณเป็นบุคคลที่มีปัญหาไขมันบนใบหน้าค่อนข้างเยอะ เช่น มีไขมันสะสมอยู่บริเวณแก้ม บริเวณกรอบหน้า หรือบริเวณเหนียงอยู่เป็นจำนวนมาก ทำให้ผิวขาดความกระชับและดูย้วยเนื่องจากไขมันสะสม การทำหัตถการโดยใช้ Thermage จะสามารถช่วยแก้ปัญหาของคุณได้
แต่หากคุณเป็นบุคคลที่มีไขมันบนใบหน้าน้อย แต่มีใบหน้าที่ดูหย่อนคล้อยและขาดความกระชับเนื่องจากคอลลาเจนบนใบหน้าที่เสื่อมสภาพลงตามอายุ การทำหัตถการโดยใช้ Ulthera จะสามารถช่วยแก้ปัญหาของคุณได้
โดยสรุปแล้ว Thermage และ Ulthera เป็นหัตถการปรับรูปหน้าที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน ด้วยประโยชน์ด้านความสะดวกสบายและความรวดเร็วในการทำ และผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยม ทำให้มีผู้คนมากมายสนใจในการทำหัตถการ 2 ตัวนี้ แต่เพื่อประสิทธิภาพและผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ควรศึกษาปัญหารูปหน้าและผิวหน้าของตนเองอย่างถี่ถ้วน เพื่อจะสามารถเลือกหัตถการที่ตรงกับปัญหาของตนเองได้