โบท็อกซ์คืออะไร

  • โบท็อกซ์คืออะไร

โบท็อกซ์ คือ ผลิตภัณฑ์หนึ่งของ Botulinum Toxin ในรูปแบบบริสุทธิ โดยเป็นโปรตีนพิษชนิดหนึ่งที่ผลิตมาจากแบคทีเรีย Clostridium botulinum และได้นำไปผ่านกระบวนการที่ซับซ้อนในห้องปฏิบัติการทางการผลิตโดยบริษัท Allergan และเมื่อผลผลิตขั้นสุดท้ายสำเร็จ มีคุณสมบัติในการออกฤทธิ์และสามารถนำไปใช้งานให้ตรงตามเป้าหมายได้แล้ว จึงนำออกมาจำหน่ายสู่ตลาดภายใต้ผลิตภัณฑ์ที่มีชื่อว่า Botox โดยบริษัท Allergan

เดิมทีแล้วโบท็อกซ์เป็นยาในรูปของโปรตีนที่ผลิตมาจาก Crude Botulinum toxin เพราะการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย Clostridium botulinum ไม่ได้ผลิตสารที่นำไปใช้การการรักษาได้ทันที แต่ยังผลิตสารที่อันตรายหากนำไปใช้โดยไม่ผ่านการนำโปรตีนบางชนิด เอนไซม์ หรือของเสียจากกระบวนการเผาผลาญออกไป จะทำให้เกิดโรคโบทูลิซึมได้ โดยการควบคุมกล้ามเนื้อของร่างกายจะทำได้ยากและจะกลายเป็นอัมพาธในที่สุด

ถึงแม้ Botulinum Toxin บริสุทธิ์จะนำสารพิษที่อันตราย ๆ ออกไปแล้ว แต่ก็ยังมีฤทธ์ในการทำให้กล้ามเนื้อเป็นอัมพาธชั่วขณะ แต่ในขณะเดียวกัน หากมีการใช้ในปริมาณที่เหมาะสมจะช่วยในการลดรอยเหี่ยวย่นของผิวหนังหรือแม้แต่สามารถช่วยรักษาโรคบางอย่างได้ อย่างเช่น ภาวะกล้ามเนื้อทำงานหนักเกินไป หรือไมเกรนบางชนิดได้

ประโยชน์ของโบท็อกซ์

ด้านเสริมความงาม

  • ช่วยลดริ้วรอย: โบท็อกซ์มีความสามารถในการลดริ้วรอยบนใบหน้าอย่างเช่น หางตา หว่างคิ้ว หน้าผาก และเป็นการกระชับผิวให้เต่งตึง 
  • ลดปัญหาภาวะเหงื่อออกมากเกินไป:การฉีดโบท็อกซ์สามารถช่วยลดปัญหาเหงื่อออกมากเกินไป โดยวิธีการทำงานของโบท็อกซ์คือการยับยั้งการทำงานของเส้นประสาทที่กระตุ้นต่อมเหงื่อให้หลั่งเหงื่อ

ด้านทางการแพทย์

  • ควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อ: โบท็อกซ์สามารถใช้เพื่อรักษาภาวะที่ทำให้กล้ามเนื้อกระตุกหรือใช้งานมากเกินไป เช่น โรคคอดีสโทเนียและตาเหล่
  • ไมเกรนเรื้อรัง: โบท็อกซ์ได้รับการอนุมัติให้ใช้ในการรักษาไมเกรนเรื้อรัง จาก USFDA ตั้งแต่ 2010 ว่าสามารถลดการปวดลงได้ 60-70% 
  • รักษากระเพาะปัสสาวะบีบตัวไวเกิน: สามารถใช้โบท็อกซ์เพื่อรักษาอาการกระเพาะปัสสาวะไวเกิน โดยทำให้กบ้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะคลายตัวจากการหดเกร็ง และช่วยให้ให้กระเพาะปัสสาวะกักเก็บน้ำปัสสาวะได้มากขึ้น
  • ภาวะตา: โบท็อกซ์สามารถใช้รักษาภาวะตาบางอย่างได้ เช่น ตาเหล่และตากระตุก (ไม่สามารถควบคุมการกระพริบตาได้)

การเตรียมตัวก่อนและหลังใช้โบท็อกซ์

ก่อนการฉีด:

  • ปรึกษาแพทย์: คุณควรปรึกษากับแพทย์เกี่ยวกับความคาดหวัง ผลข้างเคียงที่เป็นไปได้ และความต้องการของคุณเอง
  • หลีกเลี่ยงยาบางชนิด: ยาบางชนิดอาจทำให้เกิดการเลือดออก ลดการแข็งตัวของเลือดอย่างเช่น NSAIDs แอสไพริน เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดปัญหาเขียวช้ำตามมา
  • ไม่ดื่มแอลกอฮอล์หรือใช้ยาสูบ: ควรหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์หรือใช้ยาสูบอย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนการฉีด

หลังการฉีด:

  • หลีกเลี่ยงการนอนราบ: หลีกเลี่ยงการนอนราบหลังจากฉีดเป็นเวลา 3 ชั่วโมง เพื่อให้เลือดไม่มาทำให้โบท็อกซ์เจือจางลงไป
  • หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายทันที: ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหรือทำงานหนักใน 24 ชั่วโมงหลังจากการฉีด
  • ไม่นวดหรือแตะต้องบริเวณที่ฉีด: การนวดหรือแตะต้องบริเวณที่ฉีดอาจทำให้ยากระจายไปยังบริเวณอื่นที่อยู่นอกเหนือเป้าหมายของการฉีดได้
  • ติดตามผลลัพธ์หลังการฉีดโบท็อกซ์: ไม่ว่าจะเป็นผลทางตรงหรือผลข้างเคียง ควรสังเกตและติดตามอาการอย่างสม่ำเสมอ หากพบผลข้างเคียงที่น่าสงสัย ควรติดต่อแพทย์ที่รักษาทันที

ข้อแนะนำหลังจากการฉีดโบท็อกซ์

  • เลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์: การฉีดโบท็อกซ์ควรทำโดยแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้และประสบการณ์ในการใช้ยานี้
  • การประเมินอย่างละเอียด: แพทย์ควรประเมินสภาพผิวหนัง กล้ามเนื้อในบริเวณที่จะฉีด และความต้องการของคุณเพื่อกำหนดขนาดโบท็อกซ์ที่เหมาะสมสำหรับคุณ
  • การฉีดที่ถูกต้อง: การฉีดโบท็อกซ์ควรทำในจุดที่ถูกต้องและในปริมาณที่เหมาะสม การฉีดที่ไม่ถูกต้องอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงหรือทำให้ผลลัพธ์ไม่ดีเท่าที่ควร
  • การดูแลหลังการฉีด: ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์เกี่ยวกับการดูแลหลังการฉีด เช่น หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายทันทีหรือไม่นวดบริเวณที่ฉีด
  • การติดตามผล: ควรมีการติดตามผลลัพธ์หลังการฉีดโบท็อกซ์ เพื่อปรับปริมาณโบท็อกซ์ในการฉีดครั้งถัดไปหากจำเป็น

อาหารที่เป็นประโยชน์ต่อการฉีดโบท็อกซ์

  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ: การดื่มน้ำให้เพียงพอ ช่วยให้ผิวหนังมีสุขภาพที่ดี ผลลัพธ์จากการฉีดโบท็อกซ์มีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • อาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ: รับประทานผักผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระเช่น บลูเบอร์รี่ สตรอว์เบอร์รี่ องุ่น บร็อคโคลี่ อาหารเหล่านี้ช่วยป้องกันและฟื้นฟูผิวหนังจากแสงแดดและมลพิษ
  • โปรตีน: โปรตีนเป็นสารอาหารที่มีส่วนสำคัญในการซ่อมแซมผิวหนัง อาหารที่โปรตีน เช่น เนื้อสัตว์ ไข่ และถั่วต่างๆ สามรถช่วยให้ผิวหนังมีสุขภาพดี
  • หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้เกิดการอักเสบ: อาหารที่มีน้ำตาลสูง อาหารปรุงสำเร็จรูป และอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวสูง อาจทำให้เกิดการอักเสบในร่างกาย และทำให้ผิวหลังบริเวณที่ฉีดโบท็อกซ์มีอาการอักเสบได้

สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยใด ๆ เพิ่มเติม ทีมแพทย์ Me’Lamoon ยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ

เพื่อความสะดวกสามารถปรึกษาหมอทาง Inbox Facebook หรือทาง Line ได้เลย

>> 🏩จุดสังเกตที่ตั้งเมลามูนคลินิก🏩

คลินิกตั้งอยู่ในเมืองทองธานี   สามารถดู แผนที่ได้ที่นี่ Me’Lamoon Location

  • อยู่ห่างจากมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช 1 กิโลเมตร
  • ถัดจากธนาคารกรุงไทยสาขาเมืองทองธานี 3 ช่วงตึก

วันเวลาทำการ

เปิด 10.30-20.00 น. [หยุดทุกวันพุธ]

Line: @melamoonclinic
Scroll to Top